กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป., พ.ต.อ.พัฒนศักดิ์ บุบผาสุวรรณ, พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย, พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น รอง ผบก.ป., ว่าที่ พ.ต.อ.เอกสิทธิ์ ปานสีทา
ผกก.4 บก.ป., พ.ต.ท.ศุภกร ตังคะประเสริฐ, พ.ต.ท.เจษฏา แก้วจาเครือ, พ.ต.ท.เอนก บุญตา, พ.ต.ท.อรรถวิทย์ สุขทัศน์ รอง ผกก.4 บก.ป.
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.พิทยา คงเจริญ สว.กก.4 บก.ป., ร.ต.ท.พีรวิชญ์ สุขเอม รอง สว.กก.4 บก.ป., ด.ต.ปณิธิ วงศ์ใหญ่, ด.ต.จรุงวัฒน์ กัลยาณวัตร, ด.ต.เทพศักดิ์ พิมพาพันธ์, ด.ต.สามารถ อินทราย, จ.ส.ต.ณัฐวุฒิ เอี่ยมสอาด และ ส.ต.ท.กิตติพศ นุ่มนาค ผบ.หมู่ กก.4 บก.ป.ร่วมกันจับกุม นางสาวชฎาพร หรือเฟิร์สฯ อายุ 22 ปี ผู้ต้องหา ตามหมายจับศาลจังหวัดกำแพงเพชร ที่ 250/2565 ลงวันที่ 27 ตุลาคม 2565 โดยกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกง และโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยเป็นการกระทำต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง”สถานที่จับกุม บริเวณบ้านพัก ในพื้นที่ ต.คลองควาย อ.สามโคก จ.ปทุมธานี
พฤติการณ์ เนื่องด้วยมีผู้เสียหายจำนวนหลายรายได้ร้องทุกข์ผ่านเพจเฟซบุ๊ก “ตำรวจสอบสวนกลาง” ว่าถูกหลอกจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยอ้างแทนว่าตนเป็นเจ้าหน้าที่ศาลอาญา หลอกผู้เสียหายว่ามีความผิดเกี่ยวกับการฟอกเงิน และยังติดต่อไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยทำการต่อสายให้ผู้เสียหาย เมื่อผู้เสียหายได้คุยสายกับบุคคลที่อ้างตนเป็นตำรวจ บุคคลดังกล่าวได้ขอติดต่อทางไลน์ เพื่อโทรผ่านวิดีโอคอล ผู้เสียหายเห็นว่าบุคคลดังกล่าวมีการแต่งกายเป็นตำรวจ จึงหลงเชื่อ โอนเงินไปเพื่อตรวจสอบ โดยโอนเงินเข้าชื่อบัญชีของผู้ต้องหา เป็นจำนวนเงินหลักหมื่นถึงหลักแสนบาทเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ป. จึงตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าผู้ต้องหามีหมายจับที่ต้องการตัวจำนวน 8 หมาย และยังมีผู้เสียหายอีกหลายรายที่อยู่ระหว่างร้องทุกข์ดำเนินคดี มีความเสียหายรวมกันทั้งสิ้นหลายล้านบาท จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ เพื่อดำเนินการจับกุมกลุ่มผู้กระทำความผิดมาลงโทษตามกฎหมายต่อไป
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งจากสายลับ ว่านางสาวชฎาพร หรือเฟิร์สฯ อยู่ในบริเวณบ้านพักไม่มีเลขที่ ใน ต.คลองควาย อ.สามโคก จ.ปทุมธานี จึงได้เดินทางมาตรวจสอบตามที่สายลับแจ้งพบนางสาวชฎาพรฯ นั่งอยู่บริเวณริมคลองจึงได้เข้าแสดงตนเข้าทำการจับกุม นางสาวชฎาพรหรือเฟิร์สฯ ก่อนนำตัวส่งให้พนักงานสอบสวน สภ.เมืองกำแพงเพชร จ.กำแพงเพชร เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
จากการตรวจสอบข้อมูลยังพบว่า นางสาวชฎาพรหรือเฟิร์สฯ ยังมีหมายจับที่ยังต้องการตัวอีกจำนวน 7 หมายจับ
1.หมายจับศาลจังหวัดอุตรดิตถ์ ที่ จ.309/2565 ลงวันที่ 1 พฤศจิกายน 2565 โดยกล่าวหากระทำความผิดฐาน“ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน”
2.หมายจับศาลจังหวัดพล ที่ จ.10/2566 ลงวันที่ 30 มกราคม 2566 โดยกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น และร่วมกันฉ้อโกงประชาชน”
3.หมายจับศาลจังหวัดระยอง ที่ จ.135/2566 ลงวันที่ 29 มีนาคม 2566 โดยกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐาน “ฉ้อโกงประชาชน, ฉ้อโกง, โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน”
4.หมายจับศาลจังหวัดกาญจนบุรี ที่ จ.1/2566 ลงวันที่ 4 มกราคม 2566 โดยกล่าวหาว่ากระทำ ความผิดฐาน “ฉ้อโกง”
5.หมายจับศาลจังหวัดรัตนบุรี ที่ 24/2566 ลงวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2566 โดยกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐาน “ฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น (หลอกว่ามีคดีฟอกเงิน)”
6.หมายจับศาลจังหวัดลำปาง ที่ จ.51/2566 ลงวันที่ 24 มีนาคม 2566 โดยกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันโดยทุจริต หลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อความจริง ซึ่งควรบอกให้แจ้ง และโดยการหลอกลวงดังว่านั้นได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม โดยแสดงตนเป็นคนอื่นหรือโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง”
7.หมายจับศาลจังหวัดชัยบาดาล ที่ 57/2565 ลงวันที่ 30 สิงหาคม 2565 โดยกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงต่อประชาชน,โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลอันเป็นเท็จโดยน่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน”
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น เบื้องต้นให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยอ้างว่าเปิดบัญชีให้กับ น.ส.กัญจน์อมลฯ (เพื่อนผู้ต้องหา) เพื่อรับเงินในการจ้างเปิดบัญชี บัญชีละ 1,500 บาท โดยได้เปิดให้ไปจำนวนประมาณ 10 กว่าบัญชี
ช่องทางการติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม พ.ต.ท.พิทยา คงเจริญ สว.กก.4 บก.ป. โทร. 082-4919544