เมื่อเวลา 12.50 น. วันที่ 15 พ.ค. ที่ สโมสรตำรวจ ถ.วิภาวดีรังสิต กรุงเทพฯ นายพัลลภ ชูเนียม ตัวแทนผู้เสียหายจากการซื้อทัวร์ชมฟุตบอลต่างประเทศ พร้อมด้วยผู้เสียหายอื่นๆกว่าสิบราย เดินทางเข้าร้องทุกข์กับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. โดยกล่าวว่า วันนี้ตนมาร้องทุกข์เนื่องจากถูกทัวร์โกง พฤติการณ์ของบริษัททัวร์ดังกล่าว คือ มีการเก็บเงินไปทั้งหมด แต่ไม่พาไปเที่ยวตามโปรแกรมที่ซื้อ ซึ่งตนพบการโปรโมตโปรแกรมทัวร์นี้ในยูทูป (Youtube) มีการใช้ดารานักแสดงมาแอบอ้างว่าจะพาไป สร้างความน่าเชื่อถือ อย่างในกรณีของตนก็ถูกโกงไปมูลค่า 450,000 บาท ซึ่งผู้เสียหายแต่ละรายก็โดนโกงไม่เท่ากัน ลูกทัวร์อื่นๆที่ถูกโกงขณะนี้มีประมาณ 20-30 ราย และถูกโกงในชื่อทริป "แฮปปี้ทริป-Happy Trips" ส่วนบุคคลที่โกง คือ นายสุขสันต์ สินธุ์สุวรรณ อย่างไรก็ตาม เมื่อต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ตนและผู้เสียหายอื่นๆได้เคยไปร้องทุกข์ที่กองบังคับการปราบปรามแล้ว
นายพัลลภ เผยอีกว่า ความเป็นมาการรู้จักกับนายสุขสันต์นั้น ตนได้รู้จักเพราะเขาโฆษณาผ่านทางยูทูป เกี่ยวกับฟุตบอล โดยเฉพาะสโมสรลิเวอร์พูล ซึ่งมันมีโปรแกรม ลิเวอร์พูล-อาเซนอล โดยเขายังอ้างโปรโมชัน คือ หากไป 4 คน คิดราคาเพียง 3 คน แต่จะต้องชำระเงินไว้ก่อน จากนั้นเมื่อตนโอนไปในเดือนพฤศจิกายน 2565 เพื่อเตรียมเดินทางระหว่างวันที่ 6 เม.ย.66 - 13 เม.ย.66 ทางเจ้าตัวก็ไม่ได้มีการส่งวีซ่าให้ รวมถึงไม่คืนเงินให้ ปล่อยระยะเวลาให้รอเรื่อยๆ แม้จะมีการตอบไลน์ อ้างว่าจะคืนวันที่เท่าไร หรือยืนยันว่าคืนให้แน่นอน ขอให้ลูกค้าใจเย็น แต่ระหว่างนี้กลับไม่มีอะไรคืนกลับมา มีลักษณะการดึงเวลา ตนจึงมั่นใจว่าถูกโกงแน่นอนแล้ว ทั้งนี้ ปัจจุบันยังสามารถติดต่อกับบริษัททัวร์ทางผ่านทางไลน์ได้ แต่บริษัทก็มีความบ่ายเบี่ยงและก็ยังมีพฤติกรรมเปลี่ยนชื่อบริษัทบ่อยๆเพื่อไปหลอกผู้เสียหายรายอื่นๆ
นายพัลลภ เผยต่อว่า เราเคยไปร้องทุกข์ที่กรมการท่องเที่ยวแล้ว แต่ทางกรมฯ จะรับเรื่องร้องเรียนเฉพาะลูกค้าตรง แต่ถ้ามีเอเย่นต์ ต้องเอเย่นต์มาเป็นผู้ร้องทุกข์เอง และถึงแม้จะมีการร้องทุกข์เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา รวมถึงล่าสุดมีการถอนใบอนุญาตของบริษัท แต่มันช้ามาก เพราะมีผู้เสียหายเกิดขึ้นเยอะในระหว่างนี้
ขณะที่นายสัมพันธ์ โตสว่าง ตัวแทนจำหน่าย ระบุว่า ตนอยากพูดในมุมของตัวแทนจำหน่าย เรากลายเป็นเกราะกำบัง แม้ว่าทางกรมฯ จะให้ตัวเเทนไปรับ และเรื่องจบ แต่จริงๆมันไม่แฟร์ ตนมองว่าควรเอาต้นตอมารับผิดชอบด้วย เพราะคนเหล่านี้จะกล้าโกงอีกเพราะมีตัวแทนมารับผิดชอบแล้วตัวเองลอยนวล และถึงแม้จะถูกถอนใบอนุญาต ก็เปลี่ยนชื่อบริษัททำต่อไปได้อีก เวลามีเรื่องร้องเรียนใดๆ ตนจึงอยากให้จัดการถึงต้นตอมากกว่า
ด้าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. กล่าวในฐานะอดีตรองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว (รอง ผบช.ทท.) ว่า สถานการณ์ท่องเที่ยวในวันนี้เมื่อกลับมาเป็นปกติจากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้การเดินทางท่องเที่ยวมีมากขึ้น มิจฉาชีพก็จะอาศัยการเดินทางท่องเที่ยวในต่างประเทศเพื่อทำทัวร์ศูนย์เหรียญ ทัวร์ต่ำกว่าทุนหรือฉ้อโกงโดยการหลอกซื้อทัวร์ราคาถูกแต่เมื่อถึงเวลาเดินทางแล้วกลับไม่มีการเดินทางจริง ที่สำคัญคือเงินก้อนของผู้เสียหายส่วนมากเป็นเงินเก็บก้อนสุดท้ายจากการทำงานหลังเกษียณ โดยเฉพาะผู้เสียหายที่มาร้องในวันนี้มีความเสียหายรวมกันกว่า 30 ล้านบาท จึงต้องย้อนถามกลับไปยังกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวว่ากำลังทำอะไรอยู่ ตนในฐานะอดีตผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยวคิดว่าเมื่อมีกองบัญชาการแล้วการโกงในลักษณะแบบนี้จะต้องลดลง ไม่ใช่เมื่อมีกองบัญชาการแล้วแต่ความเดือดร้อนของประชาชนกลับมากขึ้น ตำรวจท่องเที่ยวต้องดูแลความเดือนร้อนในส่วนนี้ให้มากขึ้น
ส่วนของผู้เสียหายวันนี้ 30 กว่ารายนี้ ตนจะรับไปดำเนินการ และก็ได้เชิญผู้กำกับ สภ.ท้องที่มาแล้ว สำคัญ คือ แม้ว่าจะจับคนร้ายได้แล้วแต่ผู้เสียหายก็ยังคงได้รับความเดือดร้อน เพราะเงินที่จ่ายไปยังไม่มีความแน่ชัดว่าจะได้กลับคืนมา ซึ่งหลังการอนุมัติหมายจับคนร้าย จะต้องดำเนินการติดตามเอาเงินของผู้เสียหายคืนมาให้ได้ด้วย ซึ่งก็ต้องย้อนไปถามที่ตำรวจท่องเที่ยวให้ดูแลประชาชนให้มากขึ้นด้วย
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวอีกว่า การมีตำรวจท่องเที่ยวขึ้นมามีวัตถุประสงค์เพื่อดูแลนักท่องเที่ยวที่ได้รับความเดือดร้อนทั้งชาวไทยและต่างประเทศเป็นหลัก การดูแลนักท่องเที่ยวที่ถูกฉ้อโกงจากมิจฉาชีพหากโยนภาระทั้งหมดไปให้ สภ.ท้องที่ดูแล แล้วจะมีตำรวจท่องเที่ยวเอาไว้ทำอะไร ตำรวจท่องเที่ยวจึงต้องทำงานในการสืบสวนและจับกุม โดยให้ตำรวจโรงพักท้องที่นั้นรับคดีสอบสวน ทั้งสองฝ่ายต้องช่วยกันไม่ใช่ผลักภาระไปให้ตำรวจท้องที่ทั้งหมด
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า สาเหตุที่ต้องติงตำรวจท่องเที่ยวเพราะตำรวจท่องเที่ยวมีข้อมูลอยู่แล้วว่าบริษัททัวร์มีกี่บริษัท ซึ่งตำรวจท่องเที่ยวถือเป็นมือขวาของรัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในการจับกุมมิจฉาชีพที่หลอกลวงนักท่องเที่ยว สาเหตุที่ตั้งกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวมาก็เพื่อดูแลนักท่องเที่ยวที่มากขึ้น ดังนั้น กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวต้องทำหน้าที่ให้มากขึ้น